
เอเจนซี - ข่าวดีส่งท้ายปีสำหรับคนรักกาแฟและชา นักวิจัยจากอเมริการะบุเครื่องดื่มสองประเภทนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง ตับได้
อย่างไรก็ดี การค้นพบนี้ซึ่งเป็นผลจากการวิเคราะห์รายงานการวิจัย 13 ฉบับ ชี้ว่านม น้ำอัดลม และน้ำผลไม้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
ในงานวิจัยเหล่านี้ คนที่ดื่มกาแฟวันละ 3 แก้วขึ้นไปมีโอกาสเป็นมะเร็งตับลดลง 16% เมื่อเทียบกับคนที่ดื่มกาแฟวันละแก้วเดียว ขณะที่คนที่ดื่มชาวันละแก้วเดียว (8 ออนซ์) มีความเสี่ยงน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มเลย 15%
รายงานล่าสุดที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสารอินเตอร์เนชันแนล เจอร์นัล ออฟ แคนเซอร์ ไม่ได้ระบุว่ากาแฟหรือชาช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งตับโดยตรง กระนั้น ดร.จุงเอินลี จากฮาร์วาร์ด เมดิคัล สกูลในบอสตัน เสริมว่าเหตุผลที่อาจนำมาอธิบายเรื่องนี้ได้มีอาทิ กาแฟและชาอาจทำให้ร่างกายมีความรู้สึกไวขึ้นต่ออินซูลิน ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่ามีผลต่อความเสี่ยงมะเร็งตับ
นอกจากนั้น กาแฟและชายังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยปกป้องเซลล์ตับจากมะเร็ง
ในการศึกษานี้ นักวิจัยได้รวบรวมผลการวิจัยระยะยาว 13 ชิ้น ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิง 530,469 คน และชาย 244,483 คน ในการวิจัยแต่ละชิ้นมีการเก็บข้อมูลโภชนาการของกลุ่มตัวอย่างตั้งแต่เริ่ม ต้นและติดตามผลเป็นเวลา 7-20 ปี
กาแฟและชามีส่วนเกี่ยวพันกับการลดลงของความเสี่ยงมะเร็งตับ แม้เมื่อนักวิจัยพิจารณาปัจจัยอื่นที่มีผลต่อความเสี่ยงนี้ร่วมด้วย เช่น โรคอ้วน การสูบบุหรี่ และความดันโลหิตสูง
อย่างไรก็ตาม การดื่มชาอาจไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งรังไข่
ในการศึกษาที่นำโดยดร.ปินหวังจากมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์นานกิง ได้มีการนำผลวิจัย 8 ฉบับมาวิเคราะห์ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มชากับมะเร็งรังไข่ โดยผลวิจัย 7 ฉบับมาจากตะวันตก ส่วนฉบับสุดท้ายเป็นงานของนักวิจัยจีน ประเทศที่คนส่วนใหญ่ดื่มชาเขียว
รายงานที่อยู่ในวารสารอเมริกัน เจอร์นัล ออฟ ออปสเตทริกส์ แอนด์ ไกเนอโคโลจี แจงว่าการดื่มชาในการศึกษาเหล่านี้มีความแตกต่างกันตั้งแต่การดื่มเดือนละ แก้วไปจนถึงวันละ 4 แก้วขึ้นไป
โดยรวมแล้ว ทีมของดร.หวังไม่พบว่าการดื่มชามีความเกี่ยวพันกับการลดลงของความเสี่ยง มะเร็งรังไข่ ในการศึกษาฉบับหนึ่งชี้ว่า การดื่มชาอาจทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ขณะที่อีกฉบับพบความเกี่ยวพันกับการลดลงของความเสี่ยงดังกล่าว และอีก 7 ฉบับไม่พบนัยสำคัญในเรื่องนี้
ดร.หวังกล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างการวิจัยของจีนกับตะวันตกคือ ฝรั่งส่วนใหญ่ดื่มชาดำ ไม่ใช่ชาเขียวแบบคนจีน ขณะเดียวกัน ชาดำและชาเขียวอาจแสดงถึงความเกี่ยวข้องกับมะเร็งรังไข่ที่แตกต่างกัน เนื่องจากวิธีการผลิตที่ต่างกันทำให้ในชามีสารประกอบทางเคมีไม่เหมือนกัน
ดร.หวังและทีมงานเสนอว่าควรมีการศึกษาเพิ่มเติม โดยพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งรังไข่ อาทิ สภาพแวดล้อม พันธุกรรม ฮอร์โมน และรูปแบบการใช้ชีวิต ประกอบด้วย รวมถึงศึกษาว่าปัจจัยเหล่านี้ ตลอดจนถึงชาดำหรือชาเขียว มีผลต่ออัตราการเกิดมะเร็งรังไข่อย่างไร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
No comments:
Post a Comment